วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

บทความ 2 กฏหมายแปลกทั่วโลก

กฎหมายแปลกทั่วโลก



           ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม การกระทำบางอย่างจึงต้องห้าม เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ไม่งั้นอาจโดนหามเข้าห้องขัง แบบยังไม่ทันได้เที่ยว มาดูกันซิว่าเรื่องเล็กนิดเดียวที่เราไม่คาดคิด แต่เจ้าบ้านเค้าติดใจอยากเอาความ กับ กฎหมายแปลกทั่วโลก


ห้ามเดินเคี้ยวหมากฝรั่งบนถนน ที่สิงคโปร์




          กฎหมายแปลก ทั่วโลก



กฎหมายแปลก “ห้ามเดินเคี้ยวหมากฝรั่งบนถนน” ถูกบัญญัติขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 เพื่อรักษาความสะอาดไม่ให้บ้านเมืองสงปรก ป้องกันคนมักง่ายกินแล้วคายมั่วซั่ว ถ้าไปสิงคโปร์แล้วเผลอเคี้ยวหมากฝรั่ง ไม่อยากถูกขัง บ้วนใส่ถังขยะไม่ทัน ให้กลืนมันลงคอไปเลย


สูบบุหรี่ผิดกฎหมาย แต่สูบกัญชาได้สบายที่ เนเธอร์แลนด์


         กฎหมายแปลก ทั่วโลก


ช่องโหว่ทางกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ที่ยังคงเป็นเรื่องฉงน ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เมือง Amsterdam แต่ดูดกัญชาได้หนำใจ จะมุมไหน ก็ไม่ผิด! เอ..หรือเขาคิดอยากสร้างเสียงหัวเราะ!

                ห้ามกินทุเรียนในที่สาธารณะ หลายโซนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้





“ทุเรียน” ผลไม้ที่โดนยี้มากที่สุดชนิดหนึ่ง หอมหึ่งสำหรับคนกิน แต่เหม็นแทบสิ้นใจสำหรับคนไม่พิศมัย แม้ห่างระยะ 10 เมตร หลายอาณาเขตทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงบัญญัติกฎหมาย “ห้ามทุเรียนปรากฎตัวในที่สาธารณะ” ถ้าเผลอออกมาล่ะ โดนวิสามัญแน่ๆ!

สาวโสดห้ามโดดร่ม ที่ Florida สหรัฐอเมริกา
กฎหมายแปลก ทั่วโลก
ปกติกีฬาผาดโผน หวาดเสียว เหมาะยิ่งนักสำหรับวัยหนุ่มสาว ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ แต่ไหงกลับกันที่เมือง Florida ประเทศสหรัฐอเมริกา มี กฎหมายแปลก บังคับวัยรุ่นหญิง สาวโสดที่ยังไม่ได้แต่งงาน ห้ามเล่นกีฬาพาราชูท หรือ กระโดดร่มชูชีพ ในวันอาทิตย์!? คิดเหตุผลไม่ออกจริงๆ จะรอให้เป็นคุณย่ายังซิงก็คงเล่นไม่ไหวแล้วเหอะ!

ขับไม่จูบ ที่ Eboli อิตาลี
กฎหมายแปลก ทั่วโลก ขับไม่จูบ ที่ Eboli อิตาลี
คู่รักที่คิดจะไปฮันนีมูนที่  Eboli อิตาลี เช่ารถขับชมเมือง คงต้องคิดใหม่ ถ้าห้ามใจดูดดื่มกันขณะขับรถไม่ได้ เพราะที่นี่เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน “ขับไม่จูบ” ไม่งั้นจับ ปรับถึง 500 ยูโร ก็ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทบ้านเราเอ๊งงง
                                                   

ห้ามใส่รองเท้ามีเสียง ที่ Capri อิตาลี
กฎหมายแปลก ทั่วโลก
เมือง Capri ทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นเมืองที่ซีเรียสเรื่องความสงบสุขทุกกระเบียดนิ้ว สามีภรรยาคู่หนึ่งเคยถูกจับกุมฐานทำลายความสงบ ด้วยการใส่รองเท้าแตะส่งเสียงอี๊ดอ๊าด ดังน่ารำคาญ รบกวนโสตประสาทผู้อื่น ตั้งแต่นั้นมา กฎหมายแปลก “ห้ามใส่รองเท้ามีเสียง” จึงถูกบัญญัติขึ้น


ห้ามกดชักโครกหลังสี่ทุ่ม กฎหมายน่ากลุ้ม! ที่สวิตเซอร์แลนด์
ห้ามกดชักโครกหลังสี่ทุ่ม กฎหมายน่ากลุ้ม! ที่สวิตเซอร์แลนด์
พิลึกพิลั่น! อย่างนี้ก็มีด้วย! กฎหมายแปลก ประหลาดเหลือจะคิดได้ ข้อบังคับสำหรับอพาร์ตเมนต์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ห้ามกดชักโครกส่งเสียงดังหลัง 4 ทุ่ม บังคับไปถึงผู้ชายห้ามยืนปัสสาวะ เว้นเสียแต่มั่นใจว่าจะเงียบฉี่ (ฉี่เงียบๆ นั่นเอง) เห็นที 3 ทุ่ม 59 วิ ต้องคิดให้ดี จะอี้หรือจะอั้น ไม่งั้นต้องเก็บไว้ยาวถึงพรุ่งนี้!

                      กฎหมายแปลกๆ เพิ่มเติม 


 ห้ามเด็กปากเหม็นไปโรงเรียน!! (อเมริกา : เวสเวอจิเนีย)
อันนี้เนื่องมากจากว่าที่รัฐนี้จะเก็บเกี่ยวหัวหอมชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า wild o­nion เป็นหัวหอมที่มีรสอร่อยมาก แต่เหม็นมาก... ก็คือถ้าเด็กกินหัวหอมนี่เข้าไปแล้วปากเหม็นจะเป็นการรบกวนชาวบ้าน เลยต้องมีกฎหมายของรัฐข้อนี้ขึ้นมา...

ประชาชนถูกแบ่งออกเป็น 51 ระดับ (เกาหลีเหนือ)
ระดับหนึ่งจะเป็นระดับที่สูงที่สุด คนที่จะอยู่ในระดับสูงๆได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นลูกหลานชาวเกาหลีเหนือแท้ๆตั้งแต่ก่อน  แบ่งประเทศ คนเกาหลีเหนือไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกโรงเรียน เลือกอาชีพหรือเลือกอะไรเอง ต้องไปให้เจ้าหน้าที่รัฐจัดการให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแบ่งจากระดับที่ว่านี้ ไม่ว่าจะหัวดี เก่งเลิศยังไง ถ้าระดับต่ำก็เป็นได้แค่แรงงานระดับล่าง...

ห้่ามเรอในโบสถ์ (อเมริกา : เนวาด้า)
ไม่ใช่เพียงแค่การเรอเท่านั้น แต่การตดหรือทำอะไรเสียมารยาทในโบสถ์ด้วยความตั้งใจนั้นถือเป็นการผิดกฎหมายของรัฐ แน่นอนว่าถ้าไม่ตั้งใจก็ไม่เป็นไร.. แต่เค้าจะเอาอะไรมาแบ่งระหว่างความตั้งใจและไม่ตั้งใจ? ที่สำคัญคือถ้าเด็กเรอออกมา พ่อแม่ก็จะโดนจับปรับแทน... อย่างนั้นไม่ต้องเอามันไปโบสถ์ ให้มันเล่นเกมอยู่กับบ้านเป็นดีที่สุด

ห้ามสอนเต้นในที่ที่ไม่ใช่ที่สาธารณะ (เกาหลีใต้)
ห้ามแอบสอนเต้นกัน... ไม่ใช่อย่างนั้น.. ที่ว่าไม่เป็นการสาธารณะที่รวมถึงการเปิดโรงเรียนสอนเต้นเป็นการส่วนตัวด้วย เนื่องจากประเทศเกาหลีใต้ตอนนี้ ได้ข่าวแข่งขันเรื่องการศึกษาสูงมากๆ มากกว่าประเทศญี่ปุ่นอีก แน่นอนว่าพ่อแม่ที่ต้องการส่งลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลป์เกี่ยวกับการแสดง นอกจากจะต้องทำศัลยกรรมแปลงโฉมลูกให้ดูดีแล้ว ยังต้องให้เรียนเต้นได้หลายๆแบบตั้งแต่คลาสสิคบัลเล่ต์ไปจนถึงแนวโมเดิร์น รัฐบาลจึงออกกฎหมายนี้ขึ้นเพื่อระงับยับยั้งโรงเรียนสอยพิเศษเอกชนก็เก็บเงินขูดรีดม  หาโหด.. แต่ก็เกิดการประท้วงขึ้นจนในที่สุดต้องยกเลิก... พูดง่ายๆก็คือ ยังไงพ่อแม่เค้าก็ยอมจ่าย เพื่อให้ลูกเค้าได้เรียนที่ดีๆ...

วันสุริยุปราคาเป็นวันหยุด (ซีเรีย)
ไม่ได้เพราะกลัวเป็นอัปมงคลแก่วงศ์ตระกูลอะไร.. แต่เค้าเชื่อกันว่าแสงที่มันลอดออกมาตอนเกิดเนี่ย มันจ้า จะเป็นอันตรายแก่เด็กๆที่ชอบไปยืนมอง เลยให้ปิดประตูปิดม่าน ปิดทุกอย่างเก็บตัวอยู่กับบ้านซะ.. ส่วนคนญี่ปุ่นก็หอบลูกหอบหลานขึ้นเครื่องบินไปยืนดูถึงต่าประเทศ...

เกมคอมพิวเตอร์เป็นเกมผิดกฎหมาย (กรีก)
รัฐบาลกรีกต้องการแก้ปัญหาเรื่องการพนันในเกมคอมพิวเตอร์ เลยออกกฎหมายห้ามเกมคอมพิวเตอร์ซะเลยเมื่อปี 2002 แน่นอนว่ารวมถึงเกมทุกชนิดในคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่ในมือถือด้วย ในความเป็นจริงก็มีชาวต่างชาติโดนจับแล้วหลายรายเพราะถูกค้นพบว่ามีเกมอินสตอลไว้ในมือถือหรือโน๊ตบุ๊คของตัวเองเท่านั้น...

โปเกมอนถูกห้ามในซาอุดิอาระเบีย (ซาอุดิอาระเบีย)
เนื่องจากศาสนาอิสลามไม่ให้สักการะรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรม.. ทั้งนี้ก็รวมไปถึงอิมเมจ คาแรคเตอร์ต่างๆก็ถือว่าไม่เหมาะสมด้วย นอกจากนี้โปเกมอนยังมีการจำหน่ายการ์ดเกมที่ถือว่ามีลักษณะเป็นเหมือนการพนัน... เลยโดนห้ามไปเลย (ยูกิโอะ คิตตี้อะไรก็คงโดนหมด)

ความเร็วสูงสุดในการขี่จักรยานคือ 110 กม.!! (อเมริกา : รัฐ Connecticut)
อันนี้ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ -_-; ขนาดรถยนต์ธรรมดาที่ญี่ปุ่นยังกำหนดไว้แค่ที่ 100 กม.ต่อชั่วโมง ว่าแต่.. ใครวะมันจะขี้จักรยานด้วยสปีด 110 กม. ได้...

ฆ่าคน 62 คน แต่โดนโืทษจำคุกแค่ 22 ปี (นอร์เวย์)
หมอชื่ออานฟิน เนเซ็ท ได้ฆาตกรรมคนชรา 62 คนโดยการฉีดยาพิษเข้าที่ผิวหนังด้วยเหตุผลที่ว่า “สนุก” “ต้องการให้ได้ตายสบายๆ” “เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง” “เพราะเป็นโรคทางจิต” เนื่องจากประเทศนอร์เวย์ไม่มีโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต จำคุก 22 ปีก็เป็นโทษสูงสุดที่ให้ได้ในตอนนั้น.. เมื่อปี 2004 อีตานี่ก็พ้นโทษ.. และตอนนี้ก็ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอย่างมีความสุขแล้ว @_@; (
นอกจากนอร์เวย์แล้วประเทศที่ไม่มีโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตก็ได้แก่ เอกวาดอร์ เม็กซิโก ติมอร์ตะวันออก เป็นต้น)

แค่ขโมยแตงโมลูกเดียวโดนโทษจำคุกตลอดชีวิต?? (จีน)
ในขณะที่ฆ่าคน 62 คนจำคุกแค่ 22 ปี.. หมอนี่ขโมยแตงโมลูกเดียวจำึคุกตลอดชีวิต เนื่องจากอีตานี่ไม่มีไรกิน ก็ขโมยแตงโมในตลาดไปลูกนึง ปรากฎว่าคนอื่นเห็นก็พากันเอาอย่างไปหยิบมาบ้าง ปรากฎว่าแตงโมหายไป 25 ตัน ทางการให้เป็นความผิดนี่หมดเพราะถือว่าเป็นเพราะเริ่มขโมยคนแรก  เลยโดนจำคุกตลอดชีวิต ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงบ้าง...

ใครทำระเบิดนิวเคลียร์ระเบิดจะโดนปรับ 500 ดอล (อเมริกา : รัฐแคลิฟอร์เนีย)

ห้ามแต่งแฟนซีเป็นแม่ชี (อเมริกา: รัฐอลาบามา)
เค้าก็ไม่แปลกหรอกเพราะแม่ชีเป็นตัวแทนศาสนาที่ควรให้ความเคารพ ไม่ใช่เอาชุดมาแต่งแฟนซีซี้ซัวะ.. แต่คนประเทศนี้นี่สิ... พวกชอบคอสเพลย์แม่ชีตายแน่.. โทษคือโดนปรับไม่เกิน 500 ดอล (เท่ากับทำนิวเคลียร์ระเบิด?) หรือถูกจำกัดสถานที่ 1 ปี

ใครไม่รับใบเสร็จโดนปรับสูงสุด 15,000 ยูโร (อิตาลี)
สำหรับประเทศอิตาลีแล้วจะมีภาษีตัวนึงที่คล้ายๆภาษีผู้บริโภค (IVA) ที่เก็บสูงถึง 20% ทำให้คนทำธุรกิจหลายรายหลีกเลี่ยงโดยการไม่ออกใบเสร็จให้.. เลยมีกฎหมายตัวนี้ขึ้นมา... ใครไปอิตาลีก็อย่าลืมรับใบเสร็จเค้่าด้วยล่ะ 


       

              = น.ส.ศิรดา  มหาวีรวัฒน์  รหัสนิสิต 57010112564 รหัสวิชา  0026008 กลุ่มเรียนที่ 2 =

อ้างอิง : http://www.dek-d.com/board/view/1463319/
            http://travel.mthai.com/travel_tips/16575.html

บทความ 1 ลูกอม

              ลูหรือยิ้





             


          ในวัยเด็กเชื่อว่าพวกเราหลายคน คงยังติดใจรสชาติของพวกน้ำตาลก้อนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ลูกอมทอฟฟี่ อมยิ้ม น้ำตาลปั้นที่ปั้นรูปต่างๆ ไม่เว้นแต่กระทั่งสายไหมตามงานวัดก็เถอะ ซึ่งพวกเราในวัยเด็กคงเคยลิ้มลองรสชาติความหวานของน้ำตาลก้อนเหล้านี้มาแล้วทั้งสิ้น แต่ถ้าให้เลือกถึงความอร่อยรวมถึงรสชาติแปลกๆ เชื่อว่าหลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอมยิ้มนี่แหละแปลกเสียจริงทั้งวิธีการกินก็แปลกๆ ที่ต้องจับด้ามแล้ว เข้าๆออกๆ หรือ บางคนอมแช่ไว้อยู่อย่างนั้นแหละ หรือไม่ก็อาจจะอมดูดๆก็ได้แล้วแต่ความชอบใจของแต่ละคน

ประวัติอมยิ้ม 

       การผลิตอมยิ้มน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยโบราณตามที่สมาคมลูกกวาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา According to the NationalConfectionary Association กล่าวว่า การทำอมยิ้มมีไม้เสียบอันแรกทำโดยมนุษย์ที่อยู่ในยุคดึกดำบรรพ์สมัยอาศัยอยู่ในถ้ำซึ่งในสมัยนั้นการเก็บรวงผึ้งและน้ำผึ้งจะใช้ไม้เก็บเพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียความหวานส่วนที่เหลือพวกเขาก็จะเสียบแท่งไม้ไว้ และนี่เองอาจเป็นจุดกำเนิดของอมยิ้มที่เกิดขึ้นครั้งแรกอย่างไม่ได้ตั้งใจ 
ลูกกวาดน้ำตาล ทั้งด้านความหมายของลูกอมน้ำตาลและวิธีการที่ใช้ในการทำสูตรครั้งแรกสำหรับปรุงมันเพื่อชี้ให้เป็นว่าเป็นของดั้งเดิมแต่โบราณ เราสามารถหาร่องรอยลูกอมน้ำตาลได้นั้นต้องย้อนไปจนถึงภาษาเปอร์เซียและสันสกฤตที่ใช้น้ำตาลเป็นก้อน ๆ ความจริงที่ว่าคำมีต้นกำเนิดจากโบราณเพียงแสดงให้เห็นว่าอะไรทำให้ที่ ลูกอมน้ำตาลเป็นที่ต้องการและอะไรที่ไม่ธรรมดาส่งมันผ่านจากสังคมหนึ่งไปยังอีกสังคมหนึ่งครั้นเมื่อสมัยนั้นมนุษย์เราได้รู้จักน้ำตาลเป็นครั้งแรกมันเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากและมีราคาแพงผิดกับในสมัยปัจจุบันที่สามารถหาได้ง่ายเนื่องจากในสมัยนั้นผู้คนมีความเชื่อว่าน้ำตาลสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ ซึ่งในสมัยนั้นบุคคลที่จะมีน้ำตาลในครอบครองมักจะเป็นพวกขุนนาง ต่อมาในยุคกลางน้ำตาลคค่อยเป็นที่รู้จักมากขึ้นมันแพร่หลายมากในยุโรป โดยเฉพาะคนอังกฤษยกย่องคุณสมบัติของมันว่า น้ำตาลเป็นผู้รักษาโรคฤดูหนาวได้ดี การบริโภคในยุคนั้นเราอาจจะกินน้ำตาลแบบเป็นก้อนหรือน้ำตาลพันไม้หรือที่คนอังกฤษเรียกว่า pen nets คนละตินเรียก penida ซึ่งลักษณะเหล่านี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนในอเมริกาโดยมีจุดประสงค์ที่จำเป็นเพื่อต่อต้านความหนาวเหมือนกัน และในปัจจุบันก็นับว่าโชคร้ายที่ไม่มีใครบอกได้ว่าอมยิ้มถูกพบครั้งแรกเมื่อใดเ แต่ที่เรารู้แน่คืออมยิ้มเป็นลูกกวาดที่นิยมมากที่สุด

ที่มาของคำว่า อมยิ้ม ( Lollipop ) 

    นักภาษาศาสตร์บางคนคิดว่าความหมายของคำว่า Lollipop น่ามาจากคนขายของริมทางในกรุงลอนดอนระหว่างยุคสมัยของชาร์ลส์ ดิกเกนส์ (Charles Dikens) ซึ่งต่อมาคำว่า Lollipop ถูกบันทึกเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1784 ใน London Chronicle ฉบับเดือนมกราคม ในขั้นตอนนี้ อมยิ้มเป็นเพียงลูกกวาดธรรมดา และไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นอยู่จนกระทั่งศตวรรษที่ 20 ที่มีลักษณะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน อย่างที่เห็นว่าอมยิ้มดั้งเดิมเองไม่มีลักษณะที่ชัดเจน และคำอธิบายที่พบบ่อยคือมันมาจากคำว่า lolly เป็นภาษาดั้งเดิมของอังกฤษตอนเหนือที่ใช้เกี่ยวกับลิ้น (จึงเรียกเช่นนี้ เพราะลิ้นแลบออกมา)และต่อมาความหมายของคำว่า lolly ศตรรษที่18 ซึ่งเป็นศตวรรษหนึ่งแห่งการกิน ดังนั้น อมยิ้ม จึงเป็นสิ่งที่ยื่นเข้าไปในปากไม่จำเป็นว่าจะต้องมีความหมายว่า เป็นลูกอมเสียบไม้อย่างที่เห็นได้ปกติในเวลาต่อมา ในภาษาเก่า ๆ ของลูกอมเคี่ยวที่จำหน่ายโดยผู้ผลิตลูกกวาดยังคงเรียกว่า lolly แม้ว่าจะไม่มีไม้เสียบแล้วก็ตาม ในสหรัฐอเมริกาคำลงท้าย (pop) นำมาใช้ต่อท้าย ในคำว่า popsicle ลูกอมแข็ง ๆ เสียบไม้มักทำมาจากกระดาษม้วนเป็นขนมว่างที่เด็กโปรดปราน และเริ่มมารู้จักในอังกฤษเมื่อทศวรรษที่ 1780 ชื่อมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นของอังกฤษ " lolly," " tongue" และ " popซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อเอาลูกอมออกจากปากวิธีการทำลูกกวาดเหล่านี้ถูกรวมกับตำราของนักทำลูกกวาดมืออาชีพมีเครื่องจักรพิเศษเพื่อให้ได้รูปร่างที่สมบูรณ์และเสียบไม้มีสูตรมากมายสำหรับการเคี่ยวลูกกวาดน้ำตาลแข็งๆซึ่งส่วนใหญ่มีรูปร่างเหมือนไม้หยดน้ำก้อนหินและลูกบอลมีรสชาติและสีหลากหลายและไม่มีความจำเป็นต้องนำไม้ไปเสียบเพื่อการประดิษฐ์เหล่านี้และมันยังมีส่วนเล็กๆที่นำมาทำเป็นของเล่นจากน้ำตาลเคี่ยวลูกกวาดเหล่านี้ทำเป็นรูปร่างขึ้นด้วยเชื้อราโดยเฉพาะรูปสัตว์นั้นเป็นที่นิยมมากและยังมีวิธีการทำเป็นนกหวีดลูกกวาดเป็นสามมิติด้วย

                       Photobucket   PhotobucketPhotobucketPhotobucket


ลูกอม (candy) เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มขนมหวาน (confectionery) คำนิยามตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข หมายถึง ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้อมหรือเคี้ยว ที่มีการแต่งรสใดๆ มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก และอาจมีส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อปรุงแต่งกลิ่นรสด้วยหรือไม่ก็ได้ (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 228) พ.ศ.2544 เรื่อง หมากฝรั่งและลูกอม)
ส่วนประกอบที่สำคัญของลูกอมลูกอมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ สารให้ความหวาน สารแต่งรสหรือกลิ่น (flavoring agent)  สารแต่งสี(coloring agent) และอื่นๆ
  • สารให้ความหวาน ได้แก่ น้ำตาลทราย (sucrose) น้ำเชื่อมกลูโคส (glucose syrup) น้ำเชื่อมฟรักโทส (fructose syrup) น้ำตาลอิน- เวิร์ต (invert sugar) หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล (sugar substitute) ได้แก่ น้ำตาลแอลกอฮอล์ (sugar alcohol) เช่น ซอร์บิ-ทอล (sorbitol) แมนนิทอล (mannitol) โดยจะมีผลต่อความหวาน รวมทั้งความใสของลูกอมด้วย
  • สารแต่งรสหรือกลิ่น ได้แก่ วัตถุแต่งกลิ่นรส ทั้งที่เป็นสารธรรมชาติ เช่น น้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันจากเปลือกส้ม หรือจากการใช้สารเคมีผสมให้เกิดกลิ่นที่ต้องการ เช่น ครีมโซดา กลิ่นองุ่น หรือส่วนประกอบที่แต่งกลิ่นรสได้ เช่น ช็อกโกแลต (chocolate) กาแฟผง หรือนมผง ในลูกอมรส กาแฟ หรือท๊อฟฟี่นม เป็นต้น
  • สารแต่งสี ลูกอมโดยปกติจะเกิดสีน้ำตาล อันเนื่องจากความร้อน ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในช่วงเคี่ยวน้ำตาล แต่บางครั้งผู้ผลิตจำเป็นต้องใส่สีต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ เช่น แต่งสีแดง สำหรับลูกอมกลิ่นสตรอเบอร์รี่ เป็นต้น
  • ส่วนประกอบอื่นๆ ได้แก่ กรดอินทรีย์ (organic acid) กรดที่นิยมใช้ในการผลิตลูกอม ได้แก่ กรดซิตริก (citric acid) กรดทาร์ทาริก (tartaric acid) และกรดมาลิก (malic acid) โดยใช้เพื่อควบคุมความหวาน แต่งรสและยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์

ประเภทของลูกอม
      ลูกอมแบ่งตามลักษณะทางกายภาพได้ 3 ประเภท คือ
-  ลูกกวาด (hard candy หรือ hard boiled candy) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะแข็ง เมื่อเคี้ยวจะแตก        อาจมีการสอดไส้ด้วยก็ได้ ผลิตโดยการต้มน้ำตาลให้ได้ความเข้มข้นสูง นำมาเคี่ยวจนได้ที่ นวดผสม      กัน ทำให้เกิดการตกผลึก (crystallization) แล้วจึงเทลงพิมพ์ หรือขึ้นรูปให้เป็นรูปทรงต่างๆ

-  ขนมเคี้ยว (chewy candy) ได้แก่ คาราเมล (caramels) ท๊อฟฟี่ ลักษณะจะนิ่มจนถึงค่อนข้างแข็ง ผล    โดยการนำน้ำตาลกลูโคสไซรัป น้ำ ไขมัน หรือส่วนประกอบอื่นปั่นให้เข้ากันจนมีลักษณะเป็นอิมัลชัน
    (emulsion) ก่อน จึงนำมาเคี่ยวจนได้ที่ นวดผสม และรีดอัดเม็ด
-  ซอฟต์แคนดี้ (soft candy) ได้แก่ ครีม (creams)  ฟัดส์ (fudges)  มาร์ชแมลโล (marshmallow)           ผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีลักษณะนิ่มอ่อนตัวมากกว่าขนมเคี้ยว เนื่องจากมีปริมาณความชื้นมาก
กว่า Reference   


                                                


      ขึ้นชื่อว่าลูกกวาด (Candies) เด็กคนไหนได้เห็นก็คงร้องอยากกิน เพราะลูกกวาดนั้นทั้งหอมทั้งหวานแถมยังมีสีสันสดใสล่อตาล่อใจจนผู้ใหญ่บางคนอดใจไม่ไหวต้องขอแอบชิมมานักต่อนัก แต่รู้กันหรือไม่ว่าลูกกวาดที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ (บางคน) ชื่นชอบกันนั้นทำมาจากอะไร

ลูกกวาดรสหวาน สีสันสดสวย หลากหลายรูปลักษณ์ที่เราเห็นทั่วไป ได้จากการเคี่ยวน้ำเชื่อมจนมีลักษณะเหนียวข้นเป็นคาราเมล โดยเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันของลูกกวาดนั้นเกิดจากความเข้มข้นของน้ำตาลและอุณหภูมิที่ใช้ ยิ่งอุณหภูมิที่ใช้ทำลูกกวาดสูงเท่าใด ลูกกวาดที่ได้ก็จะมีความแข็งขึ้นเท่านั้น เพราะยิ่งเคี่ยวน้ำตาลนานขึ้นปริมาณน้ำที่อยู่ในน้ำตาลก็จะลดลงเรื่อยๆ ลูกกวาดที่ได้จึงมีลักษณะแข็งมากขึ้น และเมื่อเคี่ยวน้ำตาลต่อไปอีกก็จะได้ลูกกวาดชนิดต่างๆ ดังนี้

Nougat
ขนมหวานที่เรียกว่านูกัด ถ้าออกเสียงแบบอเมริกันจะออกเสียงว่า "นู-กัด" แต่ทางยุโรปส่วนมากออกเสียงว่า "นู-ก้า" (Nougat) ที่ว่านี้มีถั่ว 2-3 ชนิดผสมอยู่ในเนื้อขนม บางครั้งอาจใส่ผลไม้เชื่อมลงไปด้วย เวลาเคี้ยวจะเหนียวหนึบติดฟันเหมือนเวลากินตังเมบ้านเรานั่นแหละ ปกติแล้วนูกัดจะมีสีขาวหม่น แต่ปัจจุบันมีการเติมสีสันเพื่อเพิ่มความสวยงามน่ากิน เช่น สีชมพูอ่อน สีเขียวอ่อน สีเหลือง และดัดแปลงไปหลายรูปแบบ เช่นแคลือบด้วยช็อกโกแลตเป็นไส้ใน Candy Bars หรือใส่เป็นส่วนผสมในเค้ก เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในขนมหวาน 13 ชนิดในเทศกาลคริสต์มาสของแคว้นโปรวองซ์ (Provence) ในประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย

Taffy
แทฟฟี่เป็นลูกกวาดคนละประเภทกับทอฟฟี่ แต่มักถูกเรียกเหมารวมทั้งทอฟฟี่และแทฟฟี่ว่า "ทอฟฟี่" ไปเสียนี่ แทฟฟี่มีลักษณะเหนี่ยวนุ่ม เคี้ยวอร่อยหวานมัน แล้วแต่งแต้มสีสันด้วยสีผสมอาหารสีต่างๆ เมื่อทำเสร็จจะห่อด้วยกระดาษไขเพื่อป้องกันการแข็งตัวแทฟฟี่ตามท้องตลาดส่วนใหญ่มักจะแต่งกลิ่นและรสผลไม้นานาชนิดด้วย

Toffee และ Caramels
ทอฟฟี่และคาราเมลเป็นลูกกวาดเนื้อแข็งที่ไม่มีผลึกน้ำตาลอยู่ในเนื้อขนมแต่มีส่วนผสมที่เป็นนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม รวมไปถึงไขมันอยู่ด้วย มีทั้งประเภทเนื้อเหนียวสำหรับเคี้ยวหนืบและประเภทเนื้อแข็งสำหรับอม ส่วนใหญ่มีสีเข็มเนื่องจากผ่านขั้นตอนการทำที่ใช้เวลานานและอุณหภูมิที่สูงกว่าแทฟฟี่ จึงทำให้มีสีเข้มกว่า บางครั้งมีการเติมถัวหรือลูกเกดหรือเคลือบด้วยช็อกโกแลต นอกจากนี้อาจนำทอฟฟี่ไปทำขนมที่เรียกว่าทอฟฟี่แอปเปิลหรือคาราเมลแอปเปิลโดยนำแอปเปิลเสียบไม้แล้วชุบด้วยทอฟฟี่ จากนั้นจึงโรยด้วยถั่ว แต่ก็มีการนำเกล็ดน้ำตาลหลากสีหรือช็อกโกแลตมาโรยแทนด้วย

Marshmallow
มาร์แมลโลว์เป็นขนมกินเล่นเนื้อเหนียวนุ่มเคี้ยวหนึบหนับนี้ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลแล้วเติมเจลาตินกับไข่ขาวลงไป ปกติแล้วมาร์ชแมลโลว์จะมีสีขาว แต่บางครั้งก็เติมสีอ่อนๆ ลงไปด้วย มาร์ชแมลโลว์สามารถกินได้ทั้งแบบเปล่าๆ หรือใส่ในโกโก้ร้อนก็ได้ เมื่อมาร์ชแมลโลว์ถูกความร้อนก็จะละลายผสมเป็นเนื้อเดียวกับโกโก้ร้อนๆ แก้วโปรด ชาวอเมริกันมักจะติดเจ้ามาร์ชแมลโลว์ไปปิกนิกด้วยเสมอ พอตกกลางคืนก็จะนำมาเสียบไม้แล้วปิ้งให้ละลายเล็กน้อย นำมาประกบกับแครกเกอร์หรือช็อกโกแลตบาร์ กินอย่างเอร็ดอร่อย

Lollipops 
ชื่อนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยนัก แต่ถ้าเรียกว่าอมยิ้มหรือลูกอม ทุกคนจะต้องร้องอ๋อทันที ลูกอมชนิดนี้มีขายตามท้องตลาดทั่วไป โดยมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ไม่กี่อย่าง ได้แก่ น้ำตาลทราย แบะแซหรือน้ำเชื่อมกลูโคส กรดซิตริก (Citric Acid) สำหรับปรับรสเปรี้ยว และสารสังเคราะห์ที่ใช้ปรุงแต่งสี กลิ่น รส ให้ เป็นลูกอมรสต่างๆ และสิ่งสำคัญในการผลิตลูกอมชนิดแข็งก็คือบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ต้องป้องกันไม่ให้ความชื้นผ่านเข้าไปยังเนื้อลูกอมได้ จึงจะทำให้เก็บไว้ได้นานโดยไม่เยิ้มแฉะหรืออ่อนนิ่มไปเสียก่อน

Brittles
ความโดดเด่นของขนมชนิดนี้คือมีลักษณะเฉพาะที่สมชื่อ คือเปราะ แตกง่าย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นก็คือประเภทเดียวกับถั่วตัดนั่นเอง สำหรับชาวจีนเรียกขนมนี้ว่า "เต่าปัง" ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลจนถึงขั้นตอนที่เรียกว่า Hard Crack จากนั้นเติมส่วนผสมอื่นๆ เช่น ถั่วคั่ว เพื่อทำให้เนื้อสัมผัสแตกต่างและกินอร่อยขึ้น ในบ้านเรานอกจากถั่วตัดแล้วก็ยังมีถั่วกระจกที่อาจใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์หรือถั่วลิสง และขนมตุ้บตั้บที่ขายกันช่วงเทศกาลกินเจ ส่วนเศษขนมที่เหลือจากการตัดหรือเศษป่นๆ สามารถนำไปทำ Praline Paste หรือผสมในทอฟฟี่และคาราเมลโดยนำไปบดให้ละเอียดก่อนได้

Fudge 
ฟัดจ์มีรสชาติหวานเข้มข้น เป็นลูกผสมระหว่างคาราเมลกับฟองดองต์ (Fondants) โดยใช้ฟองดองต์เป็นตัวเหนี่ยวให้เกิดการตกผลึกเพื้อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เคี้ยวง่ายในช่วงเวลาอันสั้น ฟัดจ์มีส่วนผสมของน้ำตาล เนย และนมที่ผ่านกระบวนการเคี่ยวในระดับที่เรียกว่า Soft-ball Stage ที่อุณหภูมิ 240 องศาเซลเซียส บางครั้งก็แต่งรสด้วยโกโก้หรือช็อกโกแลต และฟัดจ์ยังใช้ในการทำบราวนี่ด้วย

Praline
พราลีนถูกค้นพบครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศสจากการเคี่ยวน้ำตาลด้วยอุณหภูมิสูง แล้วนำมาราดบนอัลมอนด์หรือถั่วชนิดต่างๆ เมื่อเย็นตัวลงจึงนำมาตัดเป็นชิ้นๆ และสามารถบดเป็นผงเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการทำเค้ก ไอศกรีม หรือขนมหวานอื่นๆ ได้

Cotton Candy
คุ้นลิ้นคุ้นรสเป็นอย่างดีสำหรับขนมหวานที่มีลักษณะฟูฟ่องคล้ายก้อนเมฆที่เรียกกว่า สายไหมนี้ ว่ากันว่าผู้ค้นพบคนแรกคือชาวอเมริกันขนมสายไหมเกิดจากการปั่นน้ำตาลด้วยเครื่องทำสายไหมซึ่งเครื่องรุ่นแรกๆ ประกอบไปด้วยหม้อใบเล็กสำหรับใส่น้ำตาลกับสานแต่งสีอาหาร และเครื่องทำความร้อนบริเวณขอบที่จะทำให้น้ำตาลหลอมละลายกลายเป็นเส้นใยบางเบา เมื่อสัมผัสกับอากาศจึงเกิดการแข็งตัวและถูกกักเก็บไว้ในหม้อใบใหญ่ โโยมีผู้ควบคุมเครื่องคอยแหย่แท่งไม้หรือมือลงไปในหม้อใหญ่เพื่อให้สายไหมจับตัวเป็นก้อน ซึ่งเครื่องทำสายไหมในปัจจุบันก็ใช้หลักการทำนองเดียวกัน
Gumdrop ลูกกวาดสีสันสดใสนี้ทำมาจากน้ำตาลที่ผ่านกรรมวิธีแล้วใส่เจลาตินลงไป มีรูปร่างคล้ายถ้วยและโรยด้วยน้ำตาลป่น ส่วนใหญ่มีสีสันและรสชาติเลียนแบบผลไม้หรือสมุนไพรต่างๆ ซึ่งบางคนอาจจะเรียกว่าสไปซ์ดรอป (Spicedrop) จะอมหรือเคี้ยวก็ได้ และยังนำไปตกแต่งเค้กหรือคัปเค้กเพื่อความสวยงามเก๋ไก๋ได้อีกด้วย

Jujubes 
จูจุ๊บมีลักษณะเด่นที่สีสันสดใสชวนลิ้มลองมีกลิ่นและรสชาติหอมหวาน กลิ่นรสดั้งเดิมมีทั้งมะนาว ส้ม เชอร์รี่ แต่ต่อมามีกลิ่นมินต์ กุหลาบ เพิ่มเข้ามาด้วยจูจุ๊บที่นิยมมากที่สุดคือ อเมริกันจูจุ๊บ ทำจากแป้ง เจลาติน น้ำตาล และกลูโคส ด้วยความที่จูจุ๊บได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมีหลายชนิดมากขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จูจุ๊บ แคนาดาจูจุ๊บ เป็นต้น

Jelly Bean 
ลูกกวาดรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเมล็ดถั่วแดงนี้มีสีสันและรสชาติต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีเจลลีบีนกว่าร้อยรส มีส่วนผสมที่คล้ายกับ Gumdrop แต่เพิ่มเลซิทิน เกลือ และหุ้มด้วยขี้ผึ้งเข้าไปด้วย เจลลีบีนบางเม็ดถึงแม้จะมีสีเหมือนกัน แต่อาจจะมีรสเชอร์รี่หรืออบเชย หรือสีส้มอาจเป็นได้ทั้งรสส้มหรือรสขิงก็ได้

Candy Cane
ลูกกวาดรูปไม้เท้าลายขาวสลับแดงกลิ่นรสเปปเปอร์มินต์ คือขนมหวานสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสที่มีความหมายแฝงไว้ คือรูปทรงโค้งงอเหมือนไม้เท้านั้นก็คือตัว J แทนคำว่า Jesus และสีแดงกับสีขาว โดยสีแดงแทนเลือดของพระผู้เป็นเจ้า สีขาวแทนความบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ส่วนรสเปเปอร์มินต์ที่มีความเผ็ดร้อนถือเป็เอกลักษณ์ของลูกกวาดชนิดนี้

นอกเหนือจากที่กล่าวมายังมีผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลอีกหลายชนิดที่ไม่ได้อยู่ในรูปของลูกกวาดที่เห็นวางขายอยู่ทั่วไป เช่น ฟองดองต์ (Fondants) ที่นิยมใช้ตกแต่งเค้ก โดยการรีดฟองดองต์เป็นแผ่นแล้วหุ้มเข้ากับตัวเค้กส่วนมากใช้ตกแต่งเค้กเพื่อวางโชว์มากกว่า เนื่องจากฟองดองต์มีความทนทานและทนต่อสภาพอากาศมากกว่าครมที่ใช้แต่งหน้าเค้กทั่วไป



                                                               


ประโยชน์และอันตราย
       
       น้ำตาลเป็นตัวการที่ทำให้ฟันของลูกผุมากกว่าอย่างอื่นค่ะ เพราะแบคทีเรียที่อยู่ในคราบฟันหรือ(plaque)จะใช้น้ำตาลสร้างกรดขึ้นมาทำลายเคลือบฟันออกไป น้ำตาลแลคโตสในนมและที่อยู่ในผลไม้ ผัก เมล็ดพืช หรือถั่วไม่ทำให้ฟันผุมากนัก น้ำตาลตัวร้ายก็คือ ซูโครส หรือน้ำตาลที่ผ่านการแปรรูปนี่เอง
       
       ความจริงแล้ว ร่างกายต้องการน้ำตาลในจำนวนที่พอเหมาะ และต้องการน้ำตาลในรูปของน้ำตาลกลูโคสอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานเป็นปกติ โดยเมื่อเรากินอาหาร ร่างกายจะนำกลูโคสจากอาหารส่งไปยังกระแสเลือด น้ำตาลบางส่วนได้ถูกส่งไปสู่กระแสเลือดทันทีเพื่อจัดสรรพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆ ส่วนที่เหลือใช้จะถูกเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนเก็บไว้ในตับและเซลล์กล้ามเนื้อ เพื่อเตรียมพร้อมไว้สำหรับเปลี่ยนเป็นกลูโคสเมื่อร่างกายต้องการ เรามีไกลโคเจนสะสมไว้เล็กน้อย เมื่อเทียบกับไขมัน คนหนัก 70 กก. จะมีไกลโคเจน 1 กก. แต่มีไขมันถึง 16 กก.
       
       น้ำตาลไม่ได้ทำให้อ้วน เพราะน้ำตาลมีพลังงานเท่ากับคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ เช่น มันฝรั่งหรือถั่ว น้ำตาลส่วนใหญ่มีคุณค่าทางอาหารเล็กน้อย ยิ่งน้ำตาลทรายขาวที่มีความบริสุทธิ์มีคุณค่าทางอาหารต่ำ แต่มีซูโครสถึง 99.5 % อาหารที่มีพลังงานสูง เช่น ช็อกโกแลต เค้ก คุกกี้ แม้จะกินเข้าไปน้อยก็ได้รับแคลอรีมาก ช็อกโกแลตแท่งหนึ่งอาจจะมีแคลอรีเท่ากับอาหารมื้อหนึ่งที่มีทั้งไก่ มันต้ม ผัก และน้ำเกรวี่ แต่จะไม่ทำให้อิ่มและไม่ให้คุณค่าอาหารที่หลากหลาย ดังนั้น ถ้าเรากินอาหารที่อุดมไปด้วย คุณค่าทางอาหารแล้ว ก็ควรลดขนมหวาน
       
       ส่วนกระแสการลดความอ้วนที่กำลังระบาดไปถึงเด็กๆขณะนี้ ถ้าเราห้ามทั้งน้ำตาลและไขมัน ร่างกายจะไม่มีพลังงานไว้ใช้ค่ะ จึงควรลดให้พอเหมาะและเป็นไปอย่างถูกต้องจะดีกว่า โดยการกินน้ำตาลที่มาจากพืชพรรณธรรมชาติมากกว่า น้ำตาลที่ได้จากการแปรรูป
       
       และอย่ามัวแต่กลัวน้ำตาลแปรรูปที่อยู่ในขนมหวาน เพราะในอาหารกระป๋อง บางอย่าง หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศ ก็มีน้ำตาลอยู่เต็มไปหมด ยิ่งถ้าคุณเป็นแม่ครัวเอกที่หนักหวานแล้วละก็ ลูกอาจจะได้น้ำตาลเกินความจำเป็นเพราะฝีมือแม่นี่เอง





                        




                 = น.ส.ศิรดา  มหาวีรวัฒน์  รหัสนิสิต 57010112564 รหัสวิชา  0026008 กลุ่มเรียนที่ 2 =




อ้างอิง : http://utcc2.utcc.ac.th/faculties/comarts/webjrshow/lollipop/Boy/Lollipop/lollipop.htm
              http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1147/candy-ลูกอม
              http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000136487
              http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=free4u&month=09-                            2012&date=27&group=77&gblog=84

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

แบบฝึกหัด บทที่ 4 การจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน กลุ่มเรียนที่ 2 รหัสวิชา 0026008

ชื่อ-สกุล  ศิรดา  มหาวีรวัฒน์  รหัส 57010112564

คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้
1  ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน
1)      การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล 
   
      - ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ
      - กล้องดิจิทัลกล้องถ่ายวีดีทัศน์
      - เครื่องเอกซเรย์
          
2)      การแสดงผล

      - เครื่องพิมพ์
      - จอภาพ
      - พลอตเตอร์ 
3)      การประมวลผล  

      - เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ 
                           
4)      การสื่อสารและเครือข่าย

     - โทรทัศน์
     - วิทยุกระจายเสียง
     - โทรเลข

2.       ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความที่สัมพันธ์กัน
8… ซอฟต์แวร์ประยุกต์
1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลข้อมูล
3… Information Technology
2. e-Revenue
1… คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล
3. เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
6เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย
4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และDecoder
10ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการททำงาน
5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย

7… ซอฟต์แวร์ระบบ
6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
9… การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ
7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
5… EDI
8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท
4… การสื่อสารโทรคมนาคม
9. CAI
2บริการชำระภาษีออนไลน์
10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ





อ้างอิง : http://0026008.blogspot.com/2012/07/v-behaviorurldefaultvmlo.html